เป็นอีกเรื่องนึงที่แอดบังอยากจะแชร์ เพราะตัวแอดเองมีประสบการณ์กับการถูกทาบทามไปเป็นนักผสมพัฒนากลิ่นในโรงงานผลิตพอดแบรนด์ดังแบรนด์นึงขึ้นต้นด้วยตัว L (แอดปฏิเสธไป) และได้ศึกษากระบวนการผลิตว่าต้นทุนที่ใช้มันเท่าไหร่กัน แอดจึงมีโอกาสได้รู้ต้นทุนผลิตของโรงงานในการดีลธุรกิจนี้
บทความนี้จะมาเจาะลึกแบบเบื้องลึกเบื้องหลังกันเลย ตั้งแต่กระบวนการผลิต จนถึงมือผู้บริโภคอย่างเราเนี่ย ต้องผ่านอะไรบ้าง อย่างที่เราเคยได้ยินติดหูกันมาว่า “สินค้าเปลี่ยนมือ มีกำไรแน่นอน” เราจะมาเรียนรู้กันว่ามันผ่านการเปลี่ยนมือ อุปสงค์ อุปทาน ในกระบวนการตลาดอย่างไรบ้าง บวกกำไรมากี่บาท ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง แล้วเราต้องเสียเงินเหล่านั้นไปกับ ต้นทุนจริงๆเท่าไหร่? บทความนี้มีคำตอบ
ต้นทุนการผลิตในโรงงาน
ต้นทุนหลัก (ประมาณ 40-80 บาทต่อชิ้น)
- วัสดุ:
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (300-500 mAh): 10-20 บาท
- ชิปควบคุมและเซ็นเซอร์: 5-15 บาท
- น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (e-liquid): 10-20 บาท (ขึ้นอยู่กับคุณภาพของนิโคตินและกลิ่น) (ปริมาณราว 10-20ml)
- ตัวเครื่อง (พลาสติก/โลหะ): 10-20 บาท
- คอยล์และสำลี: 5-10 บาท
- บรรจุภัณฑ์: 5-10 บาท
- แรงงานและเครื่องจักร:
- ค่าแรงในประเทศจีน (แหล่งผลิตหลัก) ต่ำกว่าไทย 2-3 เท่า โดยเฉลี่ย 5-10 บาท/ชิ้น
- ค่าบำรุงรักษาเครื่องจักร
รวมต้นทุนในโรงงาน: ประมาณ 50-90 บาทต่อชิ้น
ต้นทุนโลจิสติกส์และภาษีนำเข้า
โลจิสติกส์ (ประมาณ 10-20 บาท/ชิ้น)
- ค่าขนส่งจากจีนมาไทย (แบบ Bulk หรือผ่านตัวแทน):
- ตู้คอนเทนเนอร์ใหญ่มีค่าเฉลี่ย 5-10 บาท/ชิ้น
- ค่าขนส่งภายในประเทศ (ไทย): 2-5 บาท/ชิ้น
ภาษีนำเข้าและค่าดำเนินการ (5-15 บาท/ชิ้น)
- แม้บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายในไทย แต่มีต้นทุนค่าธรรมเนียม “พิเศษ” ที่เรียกเก็บจากการลักลอบเข้า เช่น การจ่ายให้เจ้าหน้าที่หรือผู้อำนวยความสะดวก
รวมโลจิสติกส์และภาษี: ประมาณ 10-35 บาทต่อชิ้น
ต้นทุนการตลาดและการกระจายสินค้า
ดังนั้นพ่อค้าคนกลาง ร้านค้ากลางจะรับสินค้ามาราวๆ (90-130 บาท/ชิ้น) เพื่อกระจายขายส่งไปยังร้านค้าปลีก
- ผู้ค้าส่ง: มักรับสินค้าในราคาประมาณ 90-130 บาท/ชิ้น จากโรงงาน
- ผู้ค้าส่ง: บวกกำไรเพิ่มประมาณ 50-100% จากราคาโรงงาน เปอร์เซ็นกำไรมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนการซื้อของผู้ค้าปลีก (สั่งเยอะลดราคาลดลงอีก) (ราคาขายส่งจึงอยู่ที่ราว 160-250 บาท)
- ผู้ค้าปลีก: มักรับสินค้ามาที่ราวๆ 150-240 บาท จากผู้ค้าส่ง (สั่งเยอะก็ได้ถูกลงอีก) และบวกกำไรเพิ่มอีก 100-200% ในราคาปลีกท้ายสุด
- ผู้บริโภค: ดังนั้นผู้บริโภคอย่างเราจึงรับมาในราคาราวๆ 220-350 บาท
สรุปกระบวนการ
ประเภท | รายละเอียด | ต้นทุน/ราคา (บาท) |
---|---|---|
โรงงานผลิต | ต้นทุนการผลิตสินค้าโดยตรง (รวมวัสดุและแรงงาน) | 50-90 |
ผู้ค้าส่ง |
รับสินค้าจากโรงงานในราคาประมาณ 90-130 บาท/ชิ้น บวกกำไร 100% (ราคาขายส่ง: 160-250 บาท) ราคาสุดท้ายขึ้นกับจำนวนที่ผู้ค้าปลีกสั่ง |
90-130 |
ผู้ค้าปลีก |
รับสินค้าจากผู้ค้าส่งในราคาประมาณ 130-240 บาท/ชิ้น บวกกำไร 100-200% (ราคาขายปลีกอยู่ที่ 220-350 บาท) |
130-350 |
ผู้บริโภค | ซื้อสินค้าในราคาขายปลีก | 220-350 |
หมายเหตุ : หากคำนวนผิดพลาดประการใดขออภัย เป็นเพียงแค่ตัวเลขโดยประมาณการ
ถาม!!
หากมองดีๆ กระบวนการตลาดตั้งแต่ต้นจนปลายทาง เป็นเรื่องปกติและธรรมชาติของสินค้าทั่วไปตามระบบอุปทาน กินกันเป็นห่วงโซ่อาหาร แต่ไฮไลท์สำคัญ คุณต้องดูเลย
แอดบังอยากจะไฮไลท์ตัวหนาๆเลยว่า ต้นทุนน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 10-20 บาท เรากำลังเอาร่างกายไปเสี่ยงกับน้ำยาราคา 20 บาทจริงๆเหรอ??
เปรียบเทียบ พอดใช้แล้วทิ้งในตลาด กับ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Madcow แบบไหนคุ้มค่ากว่า?
ในยุคที่บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นกระแสนิยม “พอดใช้แล้วทิ้ง” ถือเป็นตัวเลือกยอดฮิตของหลายคน ด้วยความสะดวกสบายและใช้งานง่าย แต่จากการที่เราดูต้นทุนผลิตกับน้ำยาราคา 10 บาท อะเอาแบบ เกรดดีๆเลย ตีไป 20 บาทก็ได้เอา
แอดบังจึงอยากให้ผู้บริโภคเห็นภาพรวมและการตัดสินใจในเรื่องของราคาและคุณภาพ “เราซื้อของเพราะมองเพียงแค่ตัวเลขที่น้อยจนเคยชิน” การที่เราจะฉลาดบริโภคเราจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการตลาดอย่างลึกซึ้ง
1. ต้นทุนและราคา
- พอดใช้แล้วทิ้งในตลาด:
ราคาเฉลี่ยต่อชิ้นอยู่ที่ 300-350 บาท ใช้งานได้ประมาณ 2-4 วัน (ประมาณ 10-20ml น้ำยา) โดยต้นทุนการผลิตน้ำยาต่อชิ้นต่ำมาก เพียง 5-10 บาท - Madcow Eliquid:
ราคาจำหน่าย 900 บาท ขนาด 100ml ใช้งานได้ยาวนานถึง 20-30 วัน ต้นทุนผลิตอยู่ที่ 500 บาท ถ้าเทียบปริมาณเท่ากันคือ 20ml ในราคา 240 บาท ต้นทุนคือ 120 บาท ซึ่งรวมวัตถุดิบคุณภาพนำเข้าจากยุโรป
2. ความคุ้มค่าต่อการใช้งาน
- พอดใช้แล้วทิ้ง:
หากใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วัน คุณอาจต้องใช้พอด 5-10 ชิ้น รวมค่าใช้จ่ายราว 1,800-3,500 บาท - Madcow Eliquid:
น้ำยาขวดเดียวใช้งานได้ตลอดทั้งเดือน เฉลี่ยค่าใช้จ่ายเพียง 900 บาท หรือประมาณ 30-45 บาทต่อวัน
3. กำไรส่วนต่าง
- พอดใช้แล้วทิ้ง:
ราคาขายปลีกคือ 300-350 บาท ที่มีปริมาณความจุน้ำยาที่ 20ml คิดเป็นต้นทุนจริง 90 บาท(รวมทุกกระบวนผลิตแล้ว) กำไรส่วนต่างก็คือ 260 โดยเค้กก้อนนี้ แบ่งกันระหว่าง ผู้ค้าขายส่ง และ ผู้ค้าขายปลีก - Madcow Eliquid:
ราคาขายปลีกในน้ำยาขนาด 20ml คือ 240 บาท คิดเป็นต้นทุนจริง 100 บาท กำไรคือ 140 บาท โดยเค้กก้อนนี้แอดบังกินคนเดียว เพราะไม่ได้ผ่านพ่อค้ากลาง
4. คุณภาพและความปลอดภัย
- พอดใช้แล้วทิ้ง:
วัตถุดิบที่ใช้มักเป็นเกรดต่ำเพื่อประหยัดต้นทุน ไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับส่วนผสม และผลิตจำนวนมากเพื่อการตลาดที่รวดเร็ว - Madcow Eliquid:
ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงนำเข้าจากยุโรป พร้อมกระบวนการผสมแบบ HandCrafted เพื่อความปลอดภัยเนื่องจากผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลวัตถุดิบที่ผสม และประสิทธิภาพในการใช้งาน
สรุป: แบบไหนคุ้มค่ากว่า?
หากคุณมองหาความสะดวกสบาย หาซื้อง่าย น้ำยาหวานเจี๊ยบ เย็นฉ่ำๆจี๊ดขึ้นสมอง พอดใช้แล้วทิ้งอาจตอบโจทย์ แต่หากต้องการความคุ้มค่าในระยะยาว น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Madcow Eliquid ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังให้คุณภาพและความปลอดภัยที่สูงกว่า พร้อมความคุ้มค่า และได้ใช้สินค้าที่มีคุณค่าสูง
แล้วคุณล่ะ? จะเลือกอะไร ระหว่างความสะดวกชั่วคราว หรือคุณภาพที่ยั่งยืน? / คุณอยากให้เค้กก้อนนี้ที่เป็นกำไรส่วนต่าง อยู่ได้กับแอดบัง หรือ พ่อค้าคนกลาง?
“น้ำยา Madcow ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อขายส่ง เพื่อขายเอาจำนวน แต่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานโดยตรง”
Discover more from Madcow E-liquid
Subscribe to get the latest posts sent to your email.