บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีผู้สนับสนุนว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่แบบดั้งเดิม ในขณะที่อีกหลายฝ่ายกลับมองว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพไม่แพ้กัน
ท่ามกลางความขัดแย้งดังกล่าว ประเทศไทยได้มีการออกกฏหมายบุหรี่ไฟฟ้าและประกาศต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่กระจายและการบริโภคบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชน ลดผลกระทบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ประกาศกรมสรรพสามิต และประกาศกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกฎหมายเหล่านี้มีเนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การนิยามความหมาย การควบคุมการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย การเก็บภาษี ไปจนถึงบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน
การออกกฎหมายเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงท่าทีเข้มงวดของภาครัฐในการกำกับดูแลบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลให้การแพร่กระจายและการเข้าถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นไปอย่างจำกัดและควบคุมได้มากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์สุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
ทีนี้เรามาดูกฏหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยกันดีกว่าว่ามีกฏหมายอะไรบ้าง
พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535
พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายสำคัญที่มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากผลกระทบของบุหรี่และควันบุหรี่ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- ให้นิยามคำว่า “บุหรี่” หมายรวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ประดิษฐ์ และผลิตภัณฑ์อื่นใดที่มีลักษณะคล้ายกันด้วย
- กำหนดเขตปลอดบุหรี่สาธารณะ อาทิ สถานศึกษา สถานพยาบาล สถานที่ราชการ ยานพาหนะสาธารณะ ฯลฯ ห้ามมิให้บุคคลใดสูบบุหรี่ในสถานที่ดังกล่าว ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
- ผู้ประกอบกิจการในบางสถานที่ต้องจัดให้มีเขตสูบบุหรี่และเขตปลอดบุหรี่ ตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนด
- ห้ามการโฆษณาหรือการกระทำที่มีลักษณะส่งเสริมให้บริโภคบุหรี่ โดยมีบทลงโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
- กำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ เพื่อควบคุม กำกับ ดูแล ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติตามกฎหมายนี้
- รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น บทนิยาม ค่าธรรมเนียม ค่าปรับและโทษ เขตปลอดบุหรี่เพิ่มเติม เป็นต้น
การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้มีผลทำให้ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะหลายแห่ง เพื่อคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่จากผลกระทบของควันบุหรี่ รวมถึงจำกัดการโฆษณาและส่งเสริมการบริโภคบุหรี่ด้วย
พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560
พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 เป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อควบคุมการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในประเทศไทย โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- นิยามคำว่า “ผลิตภัณฑ์ยาสูบ” ให้หมายรวมถึง บุหรี่ซิการ์ บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ยาเส้น ยาเค้ียว และผลิตภัณฑ์อื่นที่มีส่วนผสมของยาสูบ
- ควบคุมกระบวนการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย และโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบ โดยผู้ประกอบการต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
- กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขสำหรับการขออนุญาต อายุใบอนุญาต ค่าธรรมเนียม การต่ออายุใบอนุญาต และการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต
- ห้ามการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกประเภท ยกเว้นเพื่อการศึกษาหรือรณรงค์ให้ลดละเลิกบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ
- ควบคุมการแสดงเครื่องหมายการค้าหรือข้อความบนบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ยาสูบ
- กำหนดบทลงโทษสำหรับการกระทำความผิด เช่น ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- จัดตั้งกองทุนสนับสนุนการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพื่อใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ
พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกประเภท รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อลดปัญหาการบริโภคในกลุ่มเยาวชนและประชาชน ตลอดจนป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ และสร้างรายได้เพื่อนำมาใช้ในการรณรงค์และแก้ไขปัญหา
ประกาศกรมสรรพสามิต (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2560
ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2560
ประกาศนี้ออกมาเพื่อกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าและสารสำหรับใช้กับบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต โดยมีรายละเอียดดังนี้
- นิยามความหมาย: “บุหรี่ไฟฟ้า” หมายถึง อุปกรณ์หรือส่วนประกอบที่ใช้สำหรับสูบควันไอน้ำที่มีนิโคตินหรือสารสกัดจากใบยาสูบ: “สารสำหรับใช้กับบุหรี่ไฟฟ้า” หมายถึงของเหลวหรือสารที่ใช้สำหรับการสูบไอน้ำจากบุหรี่ไฟฟ้า
- กำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าและสารฯ อยู่ในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภทอื่นๆ
- กำหนดอัตราภาษีสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ดังนี้ : บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินหรือสารสกัดจากใบยาสูบ อัตรา 40% ของราคาขายปลีก บุหรี่ไฟฟ้าอื่นๆ อัตรา 25% ของราคาขายปลีก
- กำหนดอัตราภาษีสารสำหรับใช้กับบุหรี่ไฟฟ้า : สารที่มีนิโคตินหรือสารสกัดจากใบยาสูบ อัตรา 40% ของราคาขายปลีก สารอื่นๆ อัตรา 25% ของราคาขายปลีก
- ผู้นำเข้าหรือผู้ผลิตในราชอาณาจักรจะต้องเสียภาษีตามอัตราที่กำหนด
การออกประกาศนี้เป็นการนำบุหรี่ไฟฟ้ามาอยู่ภายใต้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิต เพื่อควบคุมการแพร่กระจายและการบริโภคให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงเป็นแหล่งรายได้ให้แก่ภาครัฐด้วย
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 393 พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 393 พ.ศ. 2561 เป็นประกาศที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและสารสำหรับใช้กับบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- กำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าและสารสำหรับใช้กับบุหรี่ไฟฟ้า เป็น “วัตถุอันตราย” ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
- การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อขายบุหรี่ไฟฟ้าและสารฯ จะต้องได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
- ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามประกาศนี้ เช่น การขออนุญาต การขนส่ง การเก็บรักษา การทำลาย เป็นต้น
- กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศ เช่น จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ยกเว้นไม่ใช้บังคับแก่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายอื่น เช่น พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ หรือเพื่อการศึกษาวิจัยทางวิชาการ
การออกประกาศดังกล่าวทำให้บุหรี่ไฟฟ้าและสารฯ ตกอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ต้องขออนุญาตก่อนดำเนินการใดๆ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ โดยมีบทลงโทษรองรับการฝ่าฝืน
เป็นการควบคุมเชิงรุกของภาครัฐ สอดคล้องกับนโยบายการสร้างเสริมสุขภาวะของประชาชน ลดผลกระทบจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
Discover more from Madcow E-liquid
Subscribe to get the latest posts sent to your email.