เคยสงสัยไหม ทำไมน้ำยาสัญชาติไทย ถึงมีราคาแพงนัก เมื่อเทียบกับ น้ำยาสัญชาติมาเลเซีย หรือ ประเทศจีนเพื่อนบ้านเรา หลายคนมักบ่นว่าทำไม น้ำยาไทย ขายแพง ทำไมแพงกว่า น้ำยามาเล ทำไมราคาพอๆกับ น้ำยาเมกา กะขายเอารวยไปสร้างบ้านเลยหรอ เอาเปรียบผู้บริโภคเกินไปหรือเปล่า?
วันนี้แอดมินบังจะมาไขข้อข้องใจให้หายสงสัย ทำไม น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าไทย ถึงราคาแพงกัน มาดูกันทีละข้อๆกันเลยดีกว่า
น้ำยาไทย เป็นงานฝีมือ งานผสมมือ Hand Crafted
สาเหตุที่น้ำยาไทยต้องขายแพง ต้องเข้าใจก่อนว่า ประเทศไทย การผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกกฏหมาย การสร้างโรงงานผลิตนั้นไม่สามารถทำได้ ดังนั้น เจ้าของแบรนด์ น้ำยาทุกคนต้องผสมมือ Handcrafted โดยเจ้าของแบรนด์ล้วนทั้งสิ้น ขั้นตอนและกระบวนการผลิต ก็ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่ได้มีเครื่องมือหรือเครื่องจักรที่คำนวนส่วนผสมและผลิตออกมาจำนวนมาก ต้องมานั่งตวงนั่งหยด หมั่นมาเขย่าหรือกวนน้ำยา หลังขดหลังแข็งกันเลยทีเดียว กว่าจะผลิตออกมาได้สักขวด บอกเลยว่า เหนื่อยมาก! จะให้ขายเอากำไรขวดละห้าบาทสิบบาท ไม่มีใครขยันขนาดนั้น
น้ำยาไทย นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
ซึ่งน้ำยาไทย เราการ นำเข้าวัตถุดิบ อย่างหัวกลิ่น หรือ นิคโคติน แม้กระทั่ง PG/VG ให้ได้ราคาถูกลงนั้น จำเป็นต้องซื้อเป็นจำนวนมาก และอาจจะต้องเสี่ยงกับกงศุลกากร ที่ตรวจสอบสารเสพติดจำพวก นิคโคติน ไหนจะค่าชิปปิ้ง ที่โดนค่าขนส่งถึง 4 ต่อ โดนค่าส่งอานเลยทีเดียว ดังนั้นการที่จะนำเข้าให้คุ้มทุน ต้องสั่งเป็นจำนวนมาก ซึ่งดังข้างต้น ผู้ผลิตไม่ได้ผลิตเป็นจำนวนมากขนาดนั้น จึงต้องอาศัย ซื้อผ่านพ่อค้าคนกลาง หรือ ร้านค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศสำเร็จมาให้แล้ว ซึ่งพ่อค้าคนกลาง หรือ ร้านค้าก็จะบวกกำไรต่ออีกทีนึง จึงทำให้วัตถุดิบจึงมีราคาแพง แตกต่างจากน้ำยาที่มาจากมาเลเซียมาก เราจึงต้องขายแพงกว่า
น้ำยาไทย เลือกวัตถุดิบคุณภาพ
ส่วนใหญ่แล้ว น้ำยาแบรนด์ไทย จะใช้วัตถุดิบจาก USA ทั้งสิ้น เลือกหัวกลิ่นเฉพาะค่ายดังๆ อย่าง CAP / FA / TPA และอื่นๆ ซึ่งราคาแพงเอาเรื่อง ไหนจะ Nicotine USA ที่ราคาแพงกว่านิคมาเลย์ (นิคจีน) หรือนิคไทยเยอะ VG/PG ก็ต้องใช้ FoodGrade นำเข้าจาก USA ที่ไร้กลิ่นเคมีซึ่งแตกต่างจาก ฮงฮวด จากจีน ซึ่งราคาต่างกันเยอะมาก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่น้ำยาของไทยขายแพง
น้ำยาไทย มีค่าวิจัย และ พัฒนา
กว่าจะได้ น้ำยาของไทย ตัวนึงที่ผ่านการคัดกรอง วิจัย และ ทดลองสูบจริงนั้น เททิ้งเทขว้างกันว่าเล่นเลยทีเดียว ผู้ผสมน้ำยาทุกแบรนด์รู้ดีว่า การผสมหัวกลิ่นกว่าจะเจอ กว่าจะใช่ กว่ามันจะอร่อย กลิ่นหอม มิติเยี่ยม จนพร้อมจำหน่าย ค่อนข้างยากมากเลยทีเดียว เพราะหลายครั้งผสมออกมาแล้ว มันห่วย จนต้องเททิ้งกันเป็นลิตรเลยทีเดียว หมดงบวิจัยเยอะบอกเลย
แพคเกจ ราคาสูง
ซึ่งหลายท่านที่เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับ ครีม หรืออื่นๆที่ต้องมีบรรจุภัณฑ์ จะทราบดีว่า การจะได้ราคาที่ถูกนั้น จะต้องซื้อมาในประมาณที่เยอะ จึงจะได้ราคาส่งที่ถูกลง ซึ่งผู้ผลิตไม่ได้ใช้มากมายขนาดนั้น ผู้บริโภคนิยมน้ำยาจากมาเลย์มากกว่าน้ำยาของไทย ไม่ได้ขายดีขนาดต้องเหมาแพคเกจมาในปริมาณมากๆ
มีค่าความเสี่ยง
อย่างที่กล่าวข้างต้น น้ำยาของไทย ไม่ได้ถูกกฏหมาย บุหรี่ไฟฟ้า หรือ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาญาจักร ตามประกาศ ของ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2557 มาตรา 244 ผู้ใดนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร หรือส่งของดังกล่าวออกไปนอกราชอาณาจักร หรือนำของเข้าเพื่อการผ่านแดนหรือการถ่ายลำโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือ ข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลอาจสั่งริบของนั้นก็ได้ ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่
https://www.moc.go.th/
อ้างอิง
ซึ่งทำให้ผู้ผลิตจึงต้องแอบผลิตกันแบบลับๆล่อๆ ทำการโฆษณา หรือทำ Branding ไม่ได้เต็มที่ เพราะถ้าดังมากๆ อาจจะไปเข้าตา สีกากีเข้าให้หล่ะ ซวยแน่นอน และนี่ก็คือสาเหตุหลักใหญ่ๆ
บทสรุป
เป็นไงกันบ้างครับ ยังดูว่า น้ำยาของไทย แพงอยู่อีกหรือเปล่า ถ้ายังบอกว่าแพงอีก ผู้ผลิตน้ำยาบุหรี่คนไทย จะน้อยใจเอานะ ยังไงก็สนับสนุนน้ำยาบุหรี่ไทยกันเถอะ “น้ำยาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” บอกเลยว่า หลายๆแบรนด์ ทำออกมาได้ดีกว่ามาเลเซีย หรือ เมกาซะอีกนะบอกเลย โดยเฉพาะน้ำยาแบรนด์ไทย Madcow Eliquid โดยคนไทยผลิตโดยคนไทยคุณภาพพรีเมี่ยมเทียบเมกา หากสนใจน้ำยาแบรนด์ไทยดีๆ มาลองน้ำยาบังสิ มาที่นี่เลย
Discover more from Madcow E-liquid
Subscribe to get the latest posts sent to your email.