อัพเดทข่าวสาร : ไขข้อสงสัยทำไมน้ำยา madcow สินค้าหมดนาน

สวัสดีลูกค้าที่น่ารักและต่อราคาเก่งทุกท่านนะครับ ล้อเล่นๆแซวๆ ในบทความนี้เราจะมาอัพเดทข่าวสารกัน กับปัยหาเรื่องสินค้าหมดนาน บางกลิ่นหลายเดือนเลยกว่าจะเติมสต๊อก
มันมีปัญหาและสาเหตุอะไร ที่มาและที่ไปเป็นยังไง ความเป็นจริงคืออะไร และแนวโน้มในอนาคตจะเป็นอย่างไร เรามาดูกันทีละอย่างกันเลยดีกว่าครับ

ทำความเข้าใจ น้ำยา madcow เป็นงานผสมมือ Hand Crafted

ก่อนเข้าเนื้อหาอื่นๆ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า แบรนด์ Madcow นั้นเป็นรูปแบบไหน น้ำยา madcow เป็นงานผสมมือ HandCrafted ที่เป็นน้ำยาสั่งทำพิเศษจากลูกค้า เพียงแต่เราทำในรูปแบบไฮบริจ ที่ทำน้ำยามาให้เลือก แต่สามารถปรับแต่งความหวานและระดับนิโคตินได้ตามแล้วแต่ลูกค้าต้องการ เพื่อการง่ายต่อการเลือกและการทำน้ำยาและบริหารสต๊อกของทางร้านเอง ดังนั้นงาน Handcrafted ราคาก็จะต้องสูงกว่าน้ำยาตลาดผลิตโรงงานอย่างแน่นอน ซึ่งการที่จะจำหน่ายราคาสูงนั้น เราจึงจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ที่มีชื่อเสียง อย่างเช่น หัวกลิ่นผสมอาหาร ที่เราใช้หัวกลิ่นที่ไม่ใช่กลิ่นสังเคราะห์ แต่เป็นกลิ่นที่สกัดจากกลิ่นธรรมชาติจริงๆ และตัวหัวกลิ่นนี่แหละที่เป็นประเด็นและเป็นปัญหาสำหรับหัวข้อนี้ เรามาดูในหัวข้อถัดไป

ทำความเข้าใจ น้ำยา Madcow ใช้หัวกลิ่นแบรนด์ดังที่นำเข้าจากยุโรป

และนี่ก็คือความพิเศษของน้ำยา madcow eliquid เคยสงสัยไหมทำไมกลิ่นและรสชาติมันดีและตรงปก ไม่มีกลิ่นเคมีแต่อย่างใด นั่นเพราะว่า หัวกลิ่นจากทางร้านเราใช้แบรนด์ดังจากยุโรป อาทิเช่น Capella Flavor, Magical Flavor, Wonder Flavor, The Flavor Apprentice, Flavor Art, Flavor West, เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติที่เราเลือกจากแบรนด์ดังต่างๆนี้ เพราะเป็นกลิ่นที่ไม่ใช่กลิ่นสังเคราะห์ แต่เป็นหัวกลิ่นธรรมชาติ ที่ผลิตและสกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ผลไม้ สมุนไพร ที่มีความเป็นธรรมชาติ และปลอดภัย มันจึงไร้กลิ่นเคมี

บทความที่เกี่ยวข้อง : เผยแบนด์หัวกลิ่นน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่ madcow ใช้

นี่คือตารางเปรียบเทียบระหว่าง หัวกลิ่นสังเคราะห์กับหัวกลิ่นธรรมชาติ

ตารางนี้ช่วยให้เห็นถึงความแตกต่างและคุณสมบัติที่ชัดเจนของหัวกลิ่นสองประเภทนี้

เรานำเข้าหัวกลิ่นผ่านบริษัทนำเข้าหัวกลิ่น

อย่างที่กล่าวในหัวข้อข้างต้น ทางร้าน Madcow เป็นผู้ผลิตน้ำยาแบบผสมมือ HandCrafted ดังนั้นการที่จะนำเข้าหัวกลิ่นเองนั้น จำเป็นต้องใช้ตุ้นทุนเป็นเงินมหาศาล ที่จะต้องซื้อในจำนวนมาก และแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการ Shipping นำเข้าสินค้าผ่านทางเรือเพราะ เรือสินค้านั้นมาจากทางทวีปยุโรป ค่าชิปปิ้งนั้นไม่ใช่หลักร้อย แต่เป็นหลักหมื่นเกือบถึงหลักแสน ดังนั้นการนำเข้าในปริมาณน้อยๆนั้น ถือว่าไม่คุ้มและขาดทุนเป็นอย่างมาก การที่จะไม่ก่อให้เกิดการขาดทุนนั้น จำเป็นต้องนำเข้าในจำนวนที่มากๆ ซึ่งค่างบที่จุดคุ้มทุนก็คือ ล้านบาทขึ้นไป!

ดังนั้น เรา Madcow เป็นร้านเล็กๆ ไม่ใช่โรงงานผลิตที่สามารถผลิตจำนวนเยอะๆได้ และสั่งวัตถุดิบเป็นจำนวนมากได้นั้น เราจึงจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยร้านจำหน่ายหัวกลิ่นที่เขารับนำเข้าหัวกลิ่นมาจำหน่ายในอุตสาหกรรมในประเทศนั่นแหละ เพราะฉะนั้นหากทางร้านขายหัวกลิ่น ไม่มีสินค้า ก็หมายความว่า ทางร้าน madcow จะต้องรอรอบนำเข้าของทางร้านนำเข้าเช่นกัน

กลิ่นยาสูบ ไม่เป็นที่นิยมของตลาด และ ไม่ค่อยมีอุตสาหกรรมใดที่ใช้กลิ่นยาสูบ

ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า หัวกลิ่นผสมอาหารนั้น เรื่องนี้เราจะพูดถึงหัวกลิ่นผสมอาหารแบบภาพรวมทั่วไป พวกกลิ่นผลไม้ ขนม ใช้ในอุตสาหกรรมใดบ้าง

1. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม: ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่, ผลิตภัณฑ์นม, ขนมหวาน, เครื่องดื่ม, อาหารสำเร็จรูป เป็นต้น
2. อุตสาหกรรมสินค้าทดแทนยาสูบ: บุหรี่ไฟฟ้า (E-cigarettes), น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (E-liquids)
3. อุตสาหกรรมสินค้าดูแลส่วนบุคคล: ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก,ลิปบาล์มและลิปสติก,ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เป็นต้น
4. อุตสาหกรรมน้ำหอมและเครื่องสำอาง: น้ำหอม,เครื่องสำอาง,
5. อุตสาหกรรมอาหารสัตว์: อาหารสัตว์เลี้ยง ต่างๆ พวกกลิ่นทูน่า เป็นต้น
6. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์: ยาเม็ดและน้ำเชื่อม,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นต้น

แต่รู้ไหมครับทุกคน หัวกลิ่นที่เป็นกลิ่นประเภทยาสูบ (Tobacco) นั้นใช้ในแค่อุตสาหกรรมสินค้าทดแทนยาสูบเพียงเท่านั้น!! กลิ่นยาสูบนั้นไม่ได้ใช้ในอุตสหกรรมอื่นๆเลย ซึ่งเป็นกลิ่นลูกเมียน้อยชัดๆ ฮ่าๆ ดังนั้น ผู้นำเข้านั่นจึงไม่ค่อยเห็นความสำคัญของกลิ่นประเภทยาสูบเท่าไรนัก เพราะขายได้ยาก และน้อยอุตสาหกรรมที่ใช้นัก ขนาดแบรนด์ดังใหญ่ๆ ในตลาดบุหรี่ไฟฟ้า ยังตัดกลิ่นยาสูบออกไปเลย เพราะผู้บริโภคเป็นส่วนน้อยจริงๆที่ชื่นชอบกลิ่นยาสูบ ใช่แล้วครับ สายยาสูบเราเป็นลูกเมียน้อย ฮ่าๆ

ค่าชิปปิ้งแพงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีลดลง

ต้องยอมรับความยากลำบากนี้จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ยากเกินความควบคุม เพราะมันเป็นเรื่องของโลจิสติกระดับโลก ปัจจัยต่างๆนาๆ แอดบังจะสรุปสั้นๆ ไว้แล้วละกันนะครับ ถ้าให้อธิบายลงลึก แล้วมันจะยาวเกินไป แค่อ่านมาถึงตรงนี้ก็เก่งมากแล้วครับ ฮ่าๆ ปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลต่อราคานำเข้าหัวกลิ่นจากยุโรป

นี่คือคำอธิบายจากผู้นำเข้าหัวกลิ่นผสมอาหาร ปัญหาและอุปสรรค สาเหตุของค่าชิปปิ้งราคาทะยานขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง

• ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์: ผลกระทบของการระบาดของ Covid-19 ยังคงเป็นผลกระทบผลพวงอยุ่ยาวจนถึงปัจจุบัน
• การขนส่งทางทะเล: การจราจรท่าเรือที่หนาแน่น ท่าเรอใหญ่หลายแห่งมีปัญหาด้านจราจรทางน้ำ ทำให้เกิดการขนถ่ายสินค้าที่ล่าช้า
• น้ำมันแพง: ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น การที่ราคาน้ำมันโลกเพิ่มขึ้นนั้นส่งผลต่อต้นทุนทางด้านโลจิสติกอย่างแน่นอน เพราะเรือขนาดใหญ่นั้นใช้เชื้อเพลิงและน้ำมันมหาศาล
• การอดตุนของคลองสุเอซ: การอุดตันของคลองสุเอซเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2021 โดยเรือบรรทุกสินค้า Ever Given ของบริษัท Evergreen Marine ชนเข้ากับขอบคลองและอุดตันเส้นทางการเดินเรือในคลองสุเอซเป็นเวลาหกวัน ส่งผลให้การขนส่งสินค้าทางทะเลทั่วโลกเกิดความล่าช้าและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง
• สงครามบนคลองสุเอซ: คลองสุเอซเป็นเส้นทางการขนส่งทางทะเลที่สำคัญและมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ซึ่งได้เห็นเหตุการณ์ความขัดแย้งและสงครามหลายครั้ง
• เศรษฐกิจและการเมือง: การเปลี่ยนแปลงในนโยบายภาษีนำเข้าและการค้าระหว่างประเทศอาจส่งผลต่อราคาการขนส่งด้วย

จริงๆยังมีปัจจัยอีกมากมายกว่านี้ แต่นำมาอธิบายแค่นี้พอ ขี้เกียจเขียนยาว

ดังนั้นด้วยเหตุและปัจจัยเรื่องของค่าชิปปิ้งที่สูงขึ้นแบบนี้ มีโอกาสและแนวโน้มที่ผู้นำเข้าหัวกลิ่นนั้นจะไม่นำเข้าหัวกลิ่นที่ไม่เป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรม อย่างจำพวก กลิ่นยาสูบ Tobacco เข้ามาในประเทศไทยอีก T_T

แนวโนมในอนาคต ข่าวร้าย และทิศทางการแก้ปัญหา

จากปัญหาดังข่าวในหัวข้อที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ผู้ที่กำลังแบกรับต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น คือผู้นำเข้า และ ผู้ผลิต ที่กำลังแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ก็ยังหาทางออกร่วมกัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคมากนัก และยังมีสินค้าน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า madcow จำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคต่อไป นี่คือบางอย่างที่อาจจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต หากทางร้าน madcow และ ผู้นำเข้าแบกรับต้นทุนไม่ไหว

1. อาจจะต้องยกเลิกการผลิตกลิ่นยาสูบถาวร:
   ในกรณีที่ผู้นำเข้าหัวกลิ่นผสมอาหาร ยกเลิกนำเข้ากลิ่นประเภทยาสูบ ทางร้าน madcow ก็จำเป็นต้องยกเลิกผลิตกลิ่นยาสูบทั้งหมดเช่นกัน ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะทางร้าน madcow ไม่สามารถนำเข้าเองโดยตรงได้ เพราะไม่มีงบประมาณขนาดนั้นอย่างที่กล่าวในหัวข้อข้างต้น
2. อาจจะต้องเพิ่มราคาน้ำยากลิ่นยาสูบ:
   ในกรณีที่ทางเราขอให้ผู้นำเข้าหัวกลิ่นประเภทยาสูบต่อไปนั้น อาจจะต้องยื่นข้อเสนอเรื่องราคา เพื่อช่วยเหลือทางผู้นำเข้า อาจจะต้องซื้อในราคาที่สูงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ซึ่งปัจจุบัน ทางร้าน madcow ก็ซื้อหัวกลิ่นประเภทยาสูบในราคาที่สูงขึ้นนี้มาสักพักใหญ่แล้ว แต่ไม่ได้ขึ้นราคาสินค้า เพราะกลัวลูกค้าหายเนื่องจากราคาที่สูงขึ้นอย่างมาก หรือกำลังทรัพย์ในการซื้อไม่เพียงพอนั่นเอง
3. ใช้หัวกลิ่นแบรนด์ไทย-จีน ประเภทกลิ่นสังเคราะห์:
   หากเราไม่สามารถนำเข้าหัวกลิ่นธรรมชาติแบรนด์ดังจากยุโรปได้ เราอาจจะต้องหันมาใช้หัวกลิ่นสังเคราะห์เคมี จากโรงงานในไทย หรือ นำเข้าจากจีนแทน ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนได้ และแน่นอนว่า แบรนด์ madcow eliquid จะไม่ใช่น้ำยาเกรดพรีเมียมอีกต่อไป
4. ปิดกิจการ:
   ในกรณีที่แย่และเลวร้ายที่สุด หากผู้นำเข้าหัวกลิ่นยกเลิกการนำเข้าหัวกลิ่นแบรนด์ยุโรปทั้งหมด หรือทางผู้นำเข้าหัวกลิ่นปิดกิจการลงทั้งหมด ทางเราร้าน madcow อาจจะต้องปิดตัวลงตามไปด้วย เพราะเรายังยึดความเป็นพรีเมียมของตัวน้ำยา หากเราลดเกรดและคุณภาพของน้ำยาแล้ว เท่ากับว่า แบรนด์กำลังลงไปอยู่ในตลาดน้ำยาล่าง ที่แข่งขันราคากันสูง ซึ่งแอดบังคงสู้ราคาไม่ไหวอย่างแน่นอน อาจจะต้องเลิกกิจการไป

ท้ายสุดนี้ แอดบังไม่ขออะไรมากมายเลย หากเป็นการช่วยน้ำยาไทย แบรนด์ของคนไทยแบบอ้อมๆ แล้วหล่ะก็ ไม่ยากเลย ช่วยกันสนับสนุนน้ำยาไทย ด้วยการ กลับมาซื้อซ้ำ ช่วยกันคอมเม้นท์ แชร์ บอกต่อ บอกไปเลยว่า น้ำยาไทย Madcow นั้นสุดยอดแค่ไหน วันนึงที่บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฏหมาย Madcow จะเป็นแบรนด์ไทยที่ยิ่งใหญ่ออกสู่สายตาชาวโลกอย่างแน่นอน!